ประชาสัมพันธ์การขึ้นทะเบียนรับเบี้ยยังชีพประจำปีงบประมาณ 2561 จะเปิดรับขึ้นทะเบียนในเดือน พฤศจิกายน ของทุกปี โดยปีนี้ผู้สูงอายุจะต้องเกิดตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2499 ถึง 30 กันยายน 2500
1.การลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
สิทธิของผู้สูงอายุ
พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.๒๕๔๖ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่๒ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็น กฎหมายที่ให้การคุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ต่อองค์กรด้านผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปเช่นเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเบี้ยยังชีพ
๑. มีสัญชาติไทย
๒. มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่
๓. มีอายุหกสิบปีขึ้นไป ซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ช่วงวันเกิด 1 ต.ค. 2499 - 30 ก.ย. 2500
๔. ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกันผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้ เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘
ขั้นตอนการยื่นคำขอ
ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีให้ผู้ที่จะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณถัดไปลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยตนเอง หรือสถานที่ที่ได้กำหนด โดยมีหลักฐาน ดังนี้
๑. บัตรประจำตัวประชาชน
๒. ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา
๓. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน ประเภท เผื่อเรียก กรณีผู้สูงอายุประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร ในกรณีที่มีความจำเป็นผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเองได้อาจมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้
การสิ้นสุดการได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
๑. ตาย
๒. ขาดคุณสมบัติตามระเบียบฯ
๓. แจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุเป็นหนังสือ
สิทธิประโยชน์อื่นสำหรับผู้สูงอายุ
๑. การให้คำปรึกษาด้านสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับ
๒. การประกอบอาชีพหรือการฝึกอาชีพที่เหมาะสม
๓. การส่งเสริมความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
๔. การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วม
2.การลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้พิการรายใหม่
สิทธิประโยชน์สำหรับคนพิการ
พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมายที่ให้การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ การส่งเสริมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และสิทธิประโยชน์ที่ผู้พิการพึงได้รับ เช่นการบริหารฟื้นฟูสมรรถภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การรับเงินสงเคราะห์เบี้ยความพิการ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยความพิการ
๑. มีสัญชาติไทย
๒. มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลเมืองบ้านพรุตามทะเบียนบ้าน
๓. มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ
๔. ไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในความอุปการะ ของสถานสงเคราะห์ของรัฐ
ขั้นตอนการยื่นคำขอ
ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีให้คนพิการลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยความพิการในปีงบประมาณถัดไปด้วยตนเอง โดยมีหลักฐาน ดังนี้
๑. บัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่า ด้วยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ
๒. ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา(ที่เป็นปัจจุบัน)
๓. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
งานบริการของ เทศบาลฯ สำหรับผู้พิการ
โดยผู้พิการหรือผู้ดูแลจะต้องนำเอกสารมายื่น ดังนี้
๑. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้พิการ จำนวน ๑ ฉบับ
๒. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้พิการ จำนวน ๑ ฉบับ
๓. รูปถ่ายคนพิการ ขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๒ รูป
๔. ใบรับรองแพทย์ซึ่งออกโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่เลขาธิการ สนง. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ
๕. กรณีที่มีผู้ดูแลคนพิการให้แนบสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของ ผู้ดูแลคนพิการ จำนวน ๑ ฉบับ
3.การลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์
สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยเอดส์
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘
ขั้นตอนการยื่นคำขอ
ผู้ป่วยเอดส์สามารถมายื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ได้ตลอด โดยนำเอกสารมายื่น ดังนี้
๑. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ
๒. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๑ ฉบับ
๓. ใบรับรองแพทย์
เบี้ยยังชีพที่ได้รับ
ผู้สูงอายุ
? อายุ ๖๐ ? ๖๙ ปี ได้รับ ๖๐๐ บาท
? อายุ ๗๐ ? ๗๙ ปี ได้รับ ๗๐๐ บาท
? อายุ ๘๐ ? ๘๙ ปี ได้รับ ๘๐๐ บาท
? อายุ ๙๐ ปีขึ้นไป ได้รับ ๑,๐๐๐ บาท
ผู้พิการ
ได้รับเงิน เดือนละ ๘๐๐ บาท
ผู้ป่วยเอดส์
ได้รับเงิน เดือนละ ๕๐๐ บาท